บ่อนคาสิโนถูกกฎหมายสร้างรายได้เข้ารัฐมหาศาล
ประเด็นปัญหาการลักลอบเล่นการพนันในประเทศไทยเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันอยู่หลายครั้งว่าสมควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยและมีการกำกับควบคุมโดยรัฐและหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือไม่ แต่ทุกครั้งก็จะจบลงที่การไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าที่ผ่านมา และกวาดเอาปัญหาดังกล่าวซุกเอาไว้ใต้พรม ประหนึ่งว่าประเทศนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากการลักลอบเล่นการพนันหรือเปิดบ่อนการพนันมากนัก และทำให้เรื่องการพนันเป็นเรื่องที่ต้องหลบๆซ่อนๆ
ในต่างประเทศ มีหลายแห่งที่อนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันได้โดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ มีการออกกฎหมายเพื่อควบคุมอย่างเข้มงวด สิ่งนี้ทำให้สามารถสร้างรายได้เข้าสู่รัฐได้อย่างมหาศาล และสามารถนำรายได้ดังกล่าวไปพัฒนาประเทศในส่วนอื่นๆได้อีกมากมาย ลองมาดูตัวอย่างกันว่ามีประเทศใดบ้าง
ฝรั่งเศส

ประเทศฝรั่งเศส มีการอนุญาตให้เปิดบ่อนคาสิโนอย่างถูกกฎหมาย รวมไปถึงการเล่นพนันเกมกีฬา เช่น ม้าแข่ง ฟุตบอล จักรยาน รักบี้ ลอตเตอรี่ ซึ่งการพนันทุกชนิดในฝรั่งเศสต้องได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐอย่างเคร่งครัด พระราชบัญญัติการพนันปี 1987 กำหนดให้บุคคลอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถเล่นการพนันได้อย่างถูกกฎหมาย ต่อมาในปี 1998 รัฐบาลฝรั่งเศสแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายการพนันให้ครอบคลุมถึงการเล่นพนันออนไลน์ และประกาศใช้ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีเดียวกัน ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเก็บภาษีจากการพนันได้มากขึ้น เว็บไซต์ iGB ผู้รวบรวมข้อมุลด้านการตลาดธุรกิจการพนันทั่วโลกรายงานว่าในปี 2019 ฝรั่งเศสมีรายได้จากการพนันออนไลน์สูงถึง 1,420 ล้านยูโร (ประมาณ 50,000 ล้านบาท) และสามารถเก็บภาษีจากผู้ได้รับใบอนุญาตจัดการพนันทั้งหมด 701 ล้านยูโร (ประมาณ 25,400 ล้านบาท)
สวีเดน

ธุรกิจการพนันในประเทศสวีเดนมีมานานหลายร้อยปี ทั้งในรูปแบบเกมกีฬาหรือความบันเทิง แต่ประเทศสวีเดนเพิ่งมีกฎหมายรับรองการเล่นพนันอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อปี 1994 คือ พระราชบัญญัติลอตเตอรี่ ตามมาด้วย พระราชบัญญัติบ่อนการพนัน 1999 และ พระราชบัญญัติ การพนัน 2019 ซึ่งนำกฎหมายก่อนหน้ามารวมกันและแก้ไขเพิ่มเติมให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมทั้งบรรจุการพนันออนไลน์ให้เป็นหนึ่งในรูปแบบการพนันที่ถูกกฎหมาย
ประเทศสวีเดนเป็นอีกประเทศหนึ่งที่รัฐบาลกอบโกยรายได้จากธุรกิจการพนันถูกกฎหมาย เพราะเป็นธุรกิจที่ถูกผูกขาดโดยรัฐ ข้อมูลจากคณะกรรมการการพนันแห่งสวีเดน หรือ SPER ระบุว่าในปี 2019 ธุรกิจการพนันของประเทศสวีเดนทำรายได้รวมกว่า 2,947 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 88,000 ล้านบาท) และเพิ่มมากกว่าปีก่อนประมาณ 4% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลสวีเดนบังคับใช้กฎหมายใหม่ที่มีการครอบคลุมการเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่บรรดานักพนันใช้เสี่ยงโชคมากกว่าการเดินเข้าไปเล่นในคาสิโน
สหราชอาณาจักร

สหราชอาณาจักรอนุญาตให้เล่นการพนันแบบถูกกฎหมายได้ตั้งแต่การออกพระราชบัญญัติการพนันปี 1960 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. 1961โดยอนุญาตให้เล่นการพนันประเภท ไพ่ เท่านั้น ซึ่งหลังจากที่กฎหมายฉบับนี้เริ่มบังคับใช้ ภายในระยะเวลา 5 ปีมีผู้ขอจดทะเบียนเปิดการ์ดคลับหรือสมาคมไพ่มากถึง 16,000 ราย
พระราชบัญญัติการพนันของสหราชอาณาจักรได้รับการปรับปรุงแก้ไขหลายครั้ง เพื่อปลดล็อกการพนันประเภทอื่นๆ โดยกฎหมายการพนันของสหราชอาณาจักรฉบับล่าสุดที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันคือ พระราชบัญญัติการพนันปี 2005 ซึ่งได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมให้เข้ากับยุคสมัยและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สาระสำคัญของพระราชบัญญัติการพนันฉบับนี้ คือ เพื่อป้องกันการเกิดอาชญกรรมอันสืบเนื่องมาจากการพนัน และป้องกันไม่ให้องค์กรอาชญากรรมใช้การพนันเป็นเครื่องมือกระทำความผิด รวมทั้งควบคุมดูแลธุรกิจการพนันทุกประเภทให้ดำเนินการอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม และยังคุ้มครองผู้เยาว์ไม่ให้ถูกหลอกหรือตกเป็นเหยื่อของการพนัน ผู้ประกอบธุรกิจการพนันทุกประเภทในสหราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ ต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการการพนันแห่งชาติเท่านั้น โดยเปิดรับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น
เว็บไซต์ที่ถือใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก Isle of Man ในเครือของสหราชอาณาจักร มั่นคง ได้รับความน่าเชื่อถือ และเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่าง Formula One และเป็นพาร์ทเนอร์กับทีมฟุตบอล Liverpool และ Bayern Munchen


โดยในปีงบประมาณ 2020-2021 รัฐบาลของสหราชอาณาจักรจัดเก็บภาษีการพนันได้ทั้งหมด 1,344 ปอนด์ หรือประมาณ 54,900 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากลอตเตอรี่และพนันออนไลน์
สหรัฐอเมริกา

กฎหมายการพนันในสหรัฐอเมริกานั้นจะแตกต่างกันออกไปตามกฎหมายของแต่ละรัฐ ส่วนใหญ่อนุญาตให้เล่นการพนันได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และการกุศล ซึ่งเป็นผลมาจากกฎหมายการพนันแห่งชนพื้นเมืองอเมริกันปี 1988 ที่อนุญาตให้ชนพื้นเมืองอเมริกันสามารถเล่นการพนันรวมทั้งเปิดบ่อนได้อย่างเสรีในเขตพื้นที่ปกครองตนเองของชนพื้นเมืองซึ่งมีอยู่ในเกือบทุกรัฐ เนื่องจากการพนันถือเป็นการละเล่นดั้งเดิมที่มีมาแต่โบราณของชนพื้นเมือง ยกเว้นในรัฐฮาวายและรัฐยูทาห์ที่ห้ามเล่นการพนันทุกชนิด ในขณะที่รัฐเดลาแวร์ อิลลินอยส์ อินเดียนา ไอโอวา นิวเจอร์ซี เพนซิลเวเนีย และเวสต์เวอร์จิเนีย อนุญาตให้เล่นการพนันได้ทุกชนิด รวมถึงพนันออนไลน์
และเมื่อพูดถึงเมืองหลวงแห่งการพนันของสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า Las Vegas ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐเนวาดา ที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความก้าวหน้าเรื่องกฎหมายการพนันของสหรัฐอเมริกา เพราะเนวาดาเป็นรัฐแรกที่อนุญาตให้เล่นการพนันได้อย่างเสรี โดยในปี 1869 สภานิติบัญญัติแห่งรัฐได้แก้ไขกฎหมายการพนันปี 1861 ที่เคยกำหนดให้การพนันทุกประเภทมีความผิดทางอาญา ผู้ใดลักลอบเล่นหรือจัดให้มีการพนันจะต้องระวังโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี และโทษปรับสูงสุด 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ และต่อมาในปี 1931 ได้อนุญาตให้เปิดบ่อนคาสิโนเพื่อการพาณิชย์ภายใต้การควบคุมของทางการ และจัดตั้งคณะกรรมการการพนันแห่งรัฐเนวาดาเพื่อออกกฎและควบคุมผู้ประกอบการธุรกิจการพนัน รวมถึงจัดเก็บภาษีการพนันซึ่งกลายเป็นรายได้หลักของรัฐเนวาดา
สมาคมธุรกิจเกมการพนันและคาสิโนของสหรัฐฯ (AGA) รายงานว่าในปี 2019 ธุรกิจการพนันทั่วประเทศมีรายได้รวมกว่า 43,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถเก็บภาษีการพนันได้มากขึ้นจากปีก่อนถึง 4.1% ซึ่งเป็นผลมาจากการผ่อนคลายกฎหมายการพนันเพิ่มเติมใน 14 รัฐที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ โดยรัฐแมสซาชูเซตส์มีรายได้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 163.3% เพราะการเปิดบ่อนคาสิโน 2 แห่งแรกใกล้เมืองบอสตัน
มาเก๊า

มาเก๊าถูกขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการพนันของเอเชียและของโลก เพราะมีรายได้จากธุรกิจการพนันแซงหน้า Las Vegas ของสหรัฐอเมริกาต่อเนื่องมานับ 10 ปี เฉพาะในปี 2019 มาเก๊ากวาดรายได้จากธุรกิจการพนันไปมากกว่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่า Las Vegas ถึง 5.4 เท่า
การพนันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในมาเก๊ามาตั้งแต่ปี 1850 ภายใต้การปกครองของโปรตุเกส ถึงแม้ในปี 1999 มาเก๊าจะกลับคืนสู่การปกครองของจีนแผ่นดิใหญ่ แต่รัฐบาลจีนก็ยังคงอนุญาตให้การพนันเป็นสิ่งถูกกฎหมายเช่นเดิม เพราะเห็นว่าธุรกิจการพนันได้ฝังรากลึกลงไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจของมาเก๊าไปเสียแล้ว อีกทั้งยังเป็นกุญแจที่ไขประตูไปสู่ความทันสมัยแบบโลกตะวันตก จึงมีการวางแผนพัฒนาต่อยอดธุรกิจและจุดเด่นเดิมของมาเก๊านั่นก็คือ ” บ่อนคาสิโน ” เพื่อดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติ
เขตบริหารพิเศษมาเก๊าได้ปฏิรูปกฎหมายการพนันในปี 2001 โดยอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันเสรีได้ ภายใต้ระเบียบกฏเกณฑ์การประกอบธุรกิจการพนันที่กำหนด และอนุญาตให้เล่นการพนันออนไลน์ได้ แต่ผุ้ประกอบการธุรกิจการพนันออนไลน์ต้องจดทะเบียนและอนุญาตให้เล่นในเขตมาเก๊าเท่านั้น และต้องให้รัฐถือหุ้นอย่างน้อย 10% และผู้บริหารของบ่อนคาสิโนหากเป็นชาวต่างชาติจะต้องถือวีซ่าผู้อยู่อาศัยถาวรของมาเก๊าเท่านั้น
ผู้ประกอบการธุรกิจคาสิโนในมาเก๊าต้องจ่ายภาษีในอัตราคงที่ร้อยละ 39 ให้แก่รัฐ และต้องจ่ายค่าหัวโต๊ะให้แก่ทางการ โดยคิดตามจำนวนโต๊ะหรือเครื่องเล่น ได้แก่ โต๊ะพนันวีไอพี ราคา 37,500 ดอลลาร์สหรัฐ/โต๊ะ โต๊ะพนันทั่วไป ราคา 18,800 ดอลลาร์สหรัฐ/โต๊ะ และตู้พนันหยอดเหรียญ ราคา 125 ดอลลาร์สหรัฐ/ตู้ รวมถึงต้องจ่ายค่าสัมปทานรายปีอีก 3,800,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2019 รัฐบาลท้องถิ่นมาเก๊าสามารถเก็บภาษีการพนันได้ถึง 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สิงคโปร์

ประเทศสิงคโปร์อนุญาตให้เล่นพนันได้อย่างถูกกฏหมายได้เมื่อปี 2006 โดยอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนัน ซื้อขายลอตเตอรี่ และเล่นพนันเกมกีฬา ต่อมาในปี 2016 จึงออกกฎหมายเพิ่มเติมให้ครอบคลุมการเล่นพนันออนไลน์ ผู้ประกอบการธุรกิจการพนันในสิงคโปร์ต้องได้รับใบอนุญาตจากทางการ และจ่ายภาษีในอัตราร้อยละ 25 – 30 ตามประเภทการจดทะเบียน ส่วนผู้ที่เป็นพลเมืองหรือถือวีซ่าผู้อาศัยถาวรของสิงคโปร์ต้องจ่ายภาษีแรกเข้าคาสิโนวันละ 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือจ่ายรายปีเป็นเงิน 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
ในปีงบประมาณ 2019 รัฐบาลสิงคโปร์มีการจัดเก็บภาษีการพนันได้มากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีรายได้รวมจากธุรกิจการพนันสูงถึง 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ญี่ปุ่น

ที่ผ่านมาในอดีตการพนันถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น ยกเว้นการพนันบางชนิด เช่น ลอตเตอรี่และพนันเกมกีฬาประเภทต่างๆที่จัดขึ้นโดยภาครัฐ หรือ ” ปาจิงโกะ ” ที่จัดอยู่ในประเภทเครื่องเล่นเพื่อความบันเทิง แต่เมื่อปี 2016 รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้เปิดบ่อนคาสิโนได้อย่างถูกกฎหมายในรูปแบบรีสอร์ทเพื่อความบันเทิงครบวงจร โดยรัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายจะช่วยดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาในญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้สนับสนุนให้เปลี่ยนทั้งเมืองเป็นบ่อนคาสิโน แต่เน้นการจัดให้มีโซนบ่อนคาสิโนกระจายไปในหลายเมือง เพื่อให้ธุรกิจท้องถิ่นเติบโตและสามารถแข่งขันได้ โดยโยโกฮาม่าจะเป็นเมืองแรกที่มีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งคณะผู้บริหารเมืองโยโกฮาม่าคาดว่าบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายจะสร้างเงินสะพัดในระดับท้องถิ่นประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และช่วยให้รัฐจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นตามไปด้วย
CLSA บริษัทจัดการกองทุนในฮ่องกงได้ทำการประเมินว่าหากญี่ปุ่นเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายจะมีรายได้รวมมากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ตลาดการพนันของญี่ปุ่นเติบโตเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากมาเก๊า ด้วยเหตุนี้ เจ้าของธุรกิจการพนันรายใหญ่หลายเจ้าใน Las Vegas ต่างพากันเดินหน้าขอใบอนุญาตเปิดรีสอร์ทคาสิโนจากทางการญี่ปุ่น เพราะเล็งเห็นโอกาสทำเงินจากธุรกิจนี้
จากการศึกษากฎหมายการพนันของประเทศที่อนุญาตให้เปิดบ่อนเล่นพนันเสรี พบว่าไม่เพียงเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังช่วยคุ้มครองและป้องกันประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรที่แฝงตัวมาในรูปแบบการพนันผิดกฎหมาย ส่วนในประเทศไทยก็ยังมีเสียงเรียกร้องให้ทำการเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมายอยู่เป็นระยะๆ และเมื่อใดที่มีความเห็นว่าการมีบ่อนคาสิโนนั้น ” ได้คุ้มเสีย “ ก็อาจจะมีการนำเรื่องนี้กลับมาพิจารณาเพื่อเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมายขึ้นมาก็เป็นได้


