“ดุดัน” ไม่เกรงใจวัย Fernando Alonso ล่าสุดกับลีลาสุดเก๋าที่สนาม Sao Paulo Grand Prix

Home » “ดุดัน” ไม่เกรงใจวัย Fernando Alonso ล่าสุดกับลีลาสุดเก๋าที่สนาม Sao Paulo Grand Prix

“ดุดัน” ไม่เกรงใจวัย Fernando Alonso ทำลายกรอบเรื่องอายุของนักแข่ง Formula One ไปจนหมดสิ้น

ในวัย 42 ปี นักแข่งดีกรีแชมป์โลก Formula One 2 สมัย ชาวสเปนรายนี้ได้สร้างมาตราฐานใหม่ให้นักแข่งรุ่นน้องคนอื่นๆได้เห็น และได้กลายเป็นสิ่งที่นักแข่งหลายคนในขณะนี้ปรารถนาที่จะทำให้ได้แบบเขา เพราะการที่จะลงแข่งขันและมีผลงานที่ยอดเยี่ยมในการแข่ง Formula One ด้วยอายุขนาดนี้ ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ใครๆก็จะสามารถทำได้ ถึงแม้ว่าจะเคยเป็นแชมป์โลกและใจจะยังรักในการแข่งรถมากขนาดไหนก็ตาม

นักแข่ง Formula One มักจะเลือกวางมือแขวนพวงมาลัยไปในช่วงอายุ 30 ต้นๆ ไปจนถึง 30 กลางๆ เพราะเป็นช่วงอายุที่ร่างกายเริ่มจะโรยรา เพราะในช่วงชีวิตที่เป็นนักแข่ง Formula One นักแข่งต้องใช้พละกำลังมหาศาลบวกกับสมาธิอย่างหนัก เพื่อควบคุมประสาทสัมผัสทั้งร่างกายในการขับปีศาจ 4 ล้อ ลงทำการแข่งขันขับเคี่ยวต่อเนื่องตลอดหลายต่อหลายปี ซึ่งโดยส่วนมากนักแข่งในช่วงอายุนี้มักจะไม่สามารถทำผลงานได้ดีเหมือนสมัยหนุ่มๆ ส่วนเหตุผลรองลงมาก็จะเป็นเหตุผลทางครอบครัวเสียเป็นส่วนใหญ่

ล่าสุดอย่าง Sabastian Vettel แชมป์โลก 4 สมัย ยอดนักแข่งชาวเยอรมันที่อำลาวงการ Formula One ด้วยวัย 35 ปี เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันในปี 2022 ด้วยเหตุผลทางครอบครัว เพราะเจ้าตัวอยากพักจากการแข่งที่ต้องตระเวนไปทั่วโลก เพื่อกลับมาดูแลลูกๆและชดเชยเวลาที่หายไปเพราะการแข่งขันให้กับครอบครัว

แต่เรื่องพวกนั้นไม่มีผลกับชายที่ชื่อว่า ” Fernando Alonso “

Fernando Alonso เคยอำลาวงการ Formula One ไปแล้วในปี 2018

แต่เขาก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในกีฬา Motor Sport โดยหลังจากนั้นเขาได้เข้าแข่งขัน Indy Car , 24 hours of Le mans , Dakar Rally ในช่วงเวลานั้น น้อยคนที่คิดว่าเขาจะได้กลับเข้าสู่วงการ Formula One อีก เพราะเราต่างรู้กันดีว่า ยิ่งอายุมากขึ้นโอกาสที่จะได้กลับมาแข่งรายการระดับสูงสุดอย่าง Formula One ก็จะยิ่งน้อยลงตามไปด้วย เพราะมีคนอายุน้อยกว่าที่มีฝีมืออยู่มากมาย พร้อมที่จะแย่งชิงเก้าอี้นักแข่ง ที่มีอยู่เพียง 20 ที่ อยู่ตลอดเวลา

แต่ในปี 2021 ทีม Alpine ได้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ Formula One โดยการดึงตัวนักแข่งรุ่นเก๋าอย่าง Fernando Alonso กลับมาแข่ง Formula One อีกครั้ง โดยหวังว่าประสบการณ์ที่เขามี จะเข้ามาช่วยยกระดับทีมให้ดีขึ้นได้ แต่ในตอนนั้นหลายคนกลับมองว่าเขา ” หมดแล้ว ” เพราะอายุของเขามากเกินไป แต่ Fernando Alonso ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าอายุไม่ได้มีผลต่อการแข่งของเขา โดยที่เขาทำผลงานจบครึ่งบนในตารางคะแนนประเภทนักแข่งในนามทีม Alpine ได้ทั้งฤดูกาล 2021 และ 2022 โดยในปีแรกที่เขากลับมาจบที่อันดับ 10 และอันดับ 9 ในปีถัดมา

ย้ายสู่ค่ายปีกสีเขียว

ในการแข่งขันฤดูกาล 2023 ทีม Aston Martin ก็ได้ดึงตัว Fernando Alonso เข้าสู่ทีม หลังจากเก้าอี้นักขับของทีมว่างลงเพราะ Sabastian Vettel อำลาการแข่งขันไป และนี่เป็นการแข่งขันปี 3 หลังจากที่ Fernando Alonso คัมแบ็คกลับมาสู่การแข่งขัน Formula One อีกครั้ง ไม่มีอะไรที่จะต้องพิสูจน์กันอีกแล้วว่าเขายังดีพอที่จะแข่งหรือไม่

Fernando Alonso โชว์ผลงานร้อนแรงตั้งแต่ต้นฤดูกาล โดยประเดิมฤดูกาลแข่งขัน 3 สนามแรก เขาจบการแข่งขันในอันดับที่ 3 ทั้ง 3 สนาม สร้างเสียงฮือฮาแซ่ซ้องไปทั่วทั้งวงการ Formula One ถึงขั้นมีนักวิเคราะห์บางคนบอกว่า การแข่งขันปีนี้เขาอาจจะขึ้นมาท้าทาย Max Verstappen ได้เลยทีเดียว หากแต่ความเป็นจริงแล้วรถของทีม Aston Martin ในปีนี้ยังไม่ดีพอถึงขั้นนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ใครๆต่างก็ยอมรับคือ Fernando Alonso คือนักแข่งที่มีฝีมือในระดับท๊อปคลาสถึงแม้ว่าอายุอานามจะมากแล้วก็ตามที

ขับให้เด็กมันดู

การแข่งขัน Formula One ในฤดูกาล 2023 ปีนี้ผ่านไปแล้ว 20 สนาม Fernando Alonso สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เก็บคะแนนสะสมประเภทนักแข่งไปได้ถึง 226 คะแนน สามารถขึ้นโพเดี้ยมไปได้ทั้งหมด 8 สนาม โดยเป็นการได้อันดับที่ 3 ไปทั้งสิ้น 5 สนาม และได้อันดับที่ 2 ไปทั้งสิ้น 3 สนาม โดยที่เป็นการจบการแข่งขันในอันดับที่มีคะแนนสะสม 17 สนาม และจบการแข่งขันในอันดับที่ไม่มีคะแนนสะสมเพียงแค่ 1 สนามเท่านั้น ส่วนอีก 2 สนามที่ไม่มีคะแนนสะสมนั่นเป็นเพราะไม่จบการแข่งขัน

ปัจจุบันรั้งอันดับที่ 4 ในตารางคะแนนสะสมประเภทนักแข่ง นี่แหละที่เขาเรียกว่า” ขับให้เด็กมันดู “

การแข่งขัน Formula One ฤดูกาล 2023 ยังเหลืออีก 2 สนามนะครับ สามารถเข้าไปร่วมเชียร์ได้ที่

 188BET

ผู้สนับสนุนหลักการแข่งขัน Formula One ฤดูกาล 2023

โชว์เก๋าที่ Sao Paulo

การแข่งขัน Formula One ที่บราซิลรายการ Sao Paulo Grand Prix ที่ผ่านมา Fernando Alonso ก็ได้แสดงความสามารถในการแข่งได้ยอดเยี่ยมตามมาตราฐานของเขา โดยหลังจากเหตุการณ์ธงแดงในรอบแรกของการแข่งขัน ทำให้ต้องมีการ รี สตาร์ท กันใหม่อีกครั้ง Fernando Alonso ได้ออกสตาร์ทในอันดับที่ 4 และสามารถแซง Lewis Hamilton ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 ได้ และสามารถรักษาอันดับไปได้จนถึงช่วงท้ายของการแข่งขัน แต่เหตุการณ์สุดมันส์ก็ได้เกิดขึ้นในช่วงท้ายของการแข่งขันนี่เอง เมื่อ Sergio Perez นักแข่งทีม Red Bull ไล่อันดับเข้ามาจนเป็น อันดับที่ 4 และกำลังเข้าใกล้ Fernando Alonso โดยการแข่งขันในขณะนั้นเหลือรอบการแข่งขันอีก 17 รอบเท่านั้น

Sergio Perez ที่กำลังเรียกฟอร์มเก่งให้กลับมา หลังจากถูกกระแสกดดันว่า ” เขายังดีพอที่จะอยู่ Red Bull หรือไม่ ? ” เพราะผลงานที่ไม่สู้ดีนักในหลายสนามที่ผ่านมา ล่าสุดที่ Maxico City Grand Prix ก็ต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบแรกเท่านั้น รวมถึงกระแสข่าวว่าใครเหมาะสมจะมาแทนที่เก้าอี้ของเขาในทีม Red Bull ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ Fernando Alonso อยู่ด้วยในกระแสข่าวนั้นด้วย ว้าวุ่นกันหล่ะทีนี้

อย่าลืมว่ารถที่ Sergio Perez ขับนั้น มันคือรถที่เหมือนกันกับที่ Max Verstappen ใช้ทำลายสถิติทั้งหมดในปีนี้อย่างไม่มีชิ้นดี ทั้งชนะการแข่งขันติดต่อกัน 10 สนาม และชนะรวมกันทั้งฤดูกาลไปแล้ว 17 สนาม ถ้าจะเทียบกันเรื่องตัวรถ รถแข่งของทีม Aston Martin ไม่มีทางไหนเลยที่จะเทียบชั้น Red Bull ได้ แต่สิ่งที่ Fernando Alonso นั้นมีเหนือกว่า Sergio Perez นั้นก็คือประสบการณ์ และวิธีการขับ

Fernando Alonso เคยแสดงให้ผู้ชมเห็นแล้วหลายต่อหลายครั้งว่า การที่จะแซงขึ้นหน้าเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยประสบการณ์และความเขี้ยวที่เขามีถ้าใครจะแซงมันก็ต้องออกแรงกันเยอะหน่อย และครั้งนี้ก็เช่นกันเขาสามารถขับได้อย่างชาญฉลาดโดยเลือกใช้ไลน์ในการเข้าโค้งที่กว้างกว่า Sergio Perez เล็กน้อย เพื่อที่จะสามารถออกจากโค้งได้ด้วยความเร็วที่มากกว่าแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็ส่งผลต่อการสร้างจังหวะที่ดีในการป้องกันครั้งต่อๆไป

อีกจุดที่น่าสนใจคือ Fernando Alonso นั้นป้องกันการโจมตีด้วย DRS ของ Sergio Perez ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยการใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าหรือระบบ ERS มาช่วยสร้างกำลังให้รถของเขา จนสามารถทำความเร็วเพื่อป้องกัน Sergio Perez ใน DRS Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ Sergio Perez จะจมคันเร่งจนขาขวาแทบจะทะลุออกมานอกรถ แต่ก็ไม่สามารถแซงขึ้นหน้าได้ ทำให้ทุกคนต่างยกนิ้วให้ Fernando Alonso กับการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าของระบบ ERS อย่างแม่นยำ ทั้งที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันแท้ๆ แต่เขานั้นนิ่งมากๆ

Fernando Alonso ได้ตรึง Sergio Perez ให้อยู่ข้างหลังเขาไว้ได้ 15 รอบเต็มๆ และก็มีบางรอบที่เหมือนกับว่า Sergio Perez จะถอดใจไปด้วยซ้ำ เป็นใครเจอแบบนี้ก็มีท้อกันบ้าง ก็เล่นขับซะเหนียวขนาดนี้ เมื่อการแข่งขันเข้ารอบที่ 70 ในจังหวะเข้าทางตรงหน้าเส้นชัย Sergio Perez เปิด DRS จมคันเร่งควบ RB19 คู่ใจอย่างสุดกำลังและสามารถแซงได้สำเร็จในโค้งที่ 1 แต่การแข่งขันของทั้งคู่ยังไม่จบที่ตรงนี้ คนอย่าง Fernando Alonso รับรองได้ว่าเขาจะสู้จนโค้งสุดท้ายแน่ๆ

เข้าสู่รอบที่ 71 รอบสุดท้าย Fernando Alonso ได้โอกาสที่จะใช้ DRS ในช่วงทางตรงหน้าเส้นชัย จ่อเข้าใกล้ท้ายรถของ Sergio Perez และเมื่อถึง DRS Zone หลังจากออกโค้งที่ 3 Fernando Alonso ได้ใช้ DRS อีกครั้ง และเขาก็แซง Sergio Perez ได้สำเร็จ และเมื่อทั้งคู่ออกจากโค้ง 12 และต่อไปจะเป็นโค้งซ้ายความเร็วสูงต่อเนื่อง 3 โค้ง คือ 13 , 14 , 15 ในช่วงสุดท้ายของสนาม วินาทีนั้น Sergio Perez มีโอกาสอีกครั้งเดียวในการใช้ DRS เมื่อถึง DRS Zone ในช่วงโค้ง 15 เช่นเดียวกัน Fernando Alonso ก็ต้องจมคันเร่งหนีสุดกำลังเพื่อโพเดี้ยมอันดับที่ 3

สุดท้าย Fernando Alonso เฉือนเข้าเส้นชัยก่อนแค่ 0.053 วินาที คว้าอันดับที่ 3 ในสนามที่ 20 Sao Paulo Grand Prix ไปได้อย่างสุดมันส์

ถ้าการ Vote Driver of the day ไม่ได้ปิดรับผล Vote ไปก่อนหน้านี้ เชื่อว่า Fernando Alonso จะได้ตำแหน่งนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย จากผลงานการขับที่น่าเหลือเชื่อ ทั้งๆที่ใช้รถที่ด้อยกว่า Sergio Perez แต่สามารถต่อสู้ได้อย่างสนุกสุดมันส์และเป็นผู้ที่ชนะการต่อสู้ซะด้วย

ผมขอยกคำพูดจากหนังมาสักประโยคหนึ่งที่ว่า

” ไม่สำคัญว่าขับรถอะไร สำคัญที่ว่าใครเป็นคนขับต่างหาก “

น่าจะเป็นประโยคที่เหมาะมากๆกับการแข่งของ Fernando Alonso ในวันนั้น

Nov 08 2023

188BET

ชนะ 6 มือติดบาคาร่า รับ 100-3,000 บาท ทุกวัน ราคาเดิมพันของแต่ละมือ จะเป็นตัวกำหนดยอดโบนัสสูงสุดที่จะได้รับ เริ่มต้น 50 บาท/มือ
*สงวนสิทธิ์ในการรับโบนัสได้เพียงวันละ 1 ครั้ง