ถึงเวลาหรือยัง? หากเดินหน้าเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฏหมายในประเทศไทย

Home » ถึงเวลาหรือยัง? หากเดินหน้าเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฏหมายในประเทศไทย

บ่อนคาสิโนถูกกฏหมายในประเทศไทย

หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าในอดีตประเทศไทยเคยมีการเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฏหมายมาแล้ว และเคยมีมากถึง 11 แห่งตามจังหวัดต่างๆโดยกระจายอยู่ทั่วทุกภาค แม้กระทั่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในขณะนั้นอยู่ช่วงการบริหารประเทศโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มีการเปิดคาสิโนถึง 5 แห่ง ที่หัวหิน ลพบุรี พิษณุโลก หนองคาย และเบตง ซึ่งสร้างรายได้มากมายและต่อมาได้มีการขยายเพิ่มอีกเป็น 6 แห่ง คือ เชียงราย มุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี ตราด สงขลา รวมทั้งหมดเป็น 11 แห่ง ซึ่งไม่ปรากฏรายละเอียดว่าดำเนินการอย่างไรบ้าง จะมีที่ดูเป็นทางการหน่อยก็จะเป็นที่ หัวหิน และ สงขลา ที่มีรัฐมนตรีการคลังในสมัยนั้นคือ นาย ปรีดี พนมยงค์ ได้เดินทางไปเปิดด้วยตนเองทีเดียว แต่สุดท้ายกิจการคาสิโนเหล่านี้ก็ได้เงียบหาย โดยไม่มีสาเหตุระบุไว้แน่ชัด

จนกระทั่งในช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ นายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดจากภาวะสงครามด้วยการยกเลิกการใช้ธนบัตรใบละ 1,000 บาท อีกทั้งยังนำเอา พรบ.การพนัน พ.ศ. 2478 ออกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง จึงอนุญาตให้มีการตั้งบ่อนคาสิโนอย่างถูกกฎหมายและจัดตั้งสถานคาสิโนขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ซึ่งตอนนั้นไม่ได้เรียกว่า กาสิโน หรือ คาสิโน อย่างในทุกวันนี้ แต่เรียกว่า “กาซิโน” ซึ่งน่าจะถูกต้องกับการสะกดมากกว่า เพราะคำว่า CASINO เป็นภาษาอิตาเลียน ออกเสียงว่า กาซิโน แปลว่าบ้านที่ใช้พักผ่อนหย่อนใจ

เหตุผลที่รัฐบาลอนุญาตให้เปิดบ่อนคาสิโนขึ้นในตอนนั้น ก็เพราะปัญหาข้าวยากหมากแพง รายได้ของรัฐบาลลดลงอย่างมาก จึงคิดวิธีการหารายได้เข้ารัฐ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการ จัดทำชิปแลกเงินทำจากเหรียญนิเกิล สั่งทำจากประเทศอังกฤษ มี 4 ราคาคือ 1,10,20 และ 100 บาท และที่ขอบเหรียญจะระบุหมายเลขของเหรียญไว้ด้วย

ปรากฏว่าเพียง 82 วัน เฉพาะในกรุงเทพ ทำรายได้จากคาสิโนได้ถึง 12.94 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.8% ของงบประมาณรายได้ประจำเดือน ซึ่งถ้ารวมรายได้จากคาสิโนที่เปิดให้บริการทั้งหมดทั่วประเทศ ทำรายได้มากไปกว่า 24.13 ล้านบาท

แต่บ่อนคาสิโนที่รัฐคาดการณ์เอาไว้ว่าจะเป็นแหล่งที่มาของรายได้อีกทางหนึ่งให้กับประเทศในยามยากนี้ ก็มีอายุที่สั้นนัก ถึงแม้จะทำรายได้อย่างมากมาย แต่ก็ถูกคัดค้านจากทุกหย่อมหญ้า แม้แต่คนในรัฐบาลเองก็คัดค้าน จนรัฐบาลทนกระแสกดดันไม่ไหวและต้องปิดตัวลงอย่างรวดเร็วในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2488 มีระยะเวลาการดำเนินการเพียงแค่ 4 เดือน 6 วัน เท่านั้น หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา บ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายก็กลายเป็นอดีตมาจนถึงปัจจุบัน

เริ่มกลับมาคิดใหม่อีกครั้งหลัง โควิด-19

หลังจากสถานการณ์โควิด-19เริ่มคลี่คลาย ประเทศต่างๆเริ่มฟื้นตัวและวางแผนนโยบายในการกระตุ้นเศรฐกิจหลังจากที่ต้องปิดประเทศมาเป็นเวลานานร่วม 2 ปี ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ทำให้เริ่มมาการหยิบยกประเด็นเรื่องของการเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฏหมายขึ้น โดยเป็นแนวคิดที่จะสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งจะมีบ่อนคาสิโนถูกกฏหมายรวมอยู่ด้วย ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2564 มีมติ 310 ต่อ 9 ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาในเรื่องนี้ และคาดหวังว่าจะสร้างแหล่งรายได้ใหม่ ให้กับประเทศปีละ 4 ล้านล้านบาท

แต่ท่ามกระกลางกระแสต่อต้านในสังคม และจากความกังวลว่าจะเป็นแหล่งฟอกเงินของการกระทำผิดทั้งหลาย ทำให้เรื่องนี้ไม่มีความคืบหน้าอะไรต่อจนเวลาผ่านไปกว่า 1 ปี จมมาถึงช่วงต้นปี 2566 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ได้รวบรวมข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 12 ม.ค. ทำให้ทุกสายตาต่างจับจ้องที่เรื่องดังกล่าวอีกครั้ง เพราะหากมีการเห็นชอบก็จะส่งเรื่องให้รัฐบาลพิจารณาในขั้นตอนต่อไป ในการจัดทำร่างพ.ร.บ.อนุญาตให้การพนันออนไลน์ ดำเนินการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 บังคับใช้ให้ครอบคลุมถึงการควบคุมพนันออนไลน์ และวางบทกำหนดโทษที่เหมาะสม รวมถึงกำหนดอัตราการจัดเก็บรายได้และภาษี

ท้ายที่สุดที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาพิจารณารายงานศึกษากาสิโนถูกกฎหมาย รวมกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที โดยเห็นชอบกับรายงานพร้อมข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยจะส่งไปยังรัฐบาลพิจารณาดำเนินการต่อไป และเรื่องนี้ก็ได้ไปอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของรัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมาในปีนี้

สุดท้ายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็มีการปล่อยข่าวปลอมออกมาในโลกออนไลน์ว่าออกมาว่า รัฐบาลนั้นเตรียมอนุมัติการเปิดบ่อนคาสิโน รวมถึงการเล่นพนันในรูปแบบออนไลน์ แบบถูกกฏหมาย ร้อนไปถึงรัฐบาลจนต้องมอบหมายให้ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงดีอีกล่าวถึงการส่งต่อข้อมูลในประเด็นดัวกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเตรียมแผนอนุมัติบ่อนกาสิโนเว็บพนันถูกกฎหมาย เสียภาษีให้รัฐบาล 30% เพื่อสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้เข้าประเทศนั้น ว่าดีอีโดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไปยังกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นข้อมูลเท็จ ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่ได้มีการเตรียมแผนอนุมัติ หรือการดำเนินนโยบายเปิดบ่อนกาสิโน หรือเว็บพนันถูกกฎหมาย เสียภาษี 30% ตามที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด

สุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีความชัดเจนการพิจารณาเรื่องการเปิดบ่อนคาสิโนอย่างถูกกฏหมายในประเทศไทยนั้นตอนนี้เดินหน้าไปถึงไหน หรือมีแนวโน้มอย่างไร ทั้งๆที่ประเทศอย่าง “ญี่ปุ่น” ที่ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาในช่วงเวลาหลังจากพ้นวิกฤติโควิด-19 เช่นกัน แต่ตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้เปิดบ่อนคาสิโนได้อย่างถูกกฎหมายในรูปแบบรีสอร์ทเพื่อความบันเทิงครบวงจรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถูกประเมินว่าจะมีรายได้รวมมากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2572 ซึ่งอาจจะส่งผลให้ตลาดการพนันของญี่ปุ่นเติบโตเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากมาเก๊าด้วยซ้ำ

ถ้าทำได้จริงจะมีแนวโน้มแบบใด

จากข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯที่ผ่านมา เห็นว่าควรให้ยึดตามแบบโมเดลเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และประเทศสิงคโปร์ แต่ควรมีขนาดใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์ เป็นการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน ประกอบไปด้วยโรงแรม 5 ดาว ห้างสรรพสินค้า สถานเสริมความงาม สปา สวนสนุก สวนสัตว์ สนามกีฬาในร่มและกลางแจ้ง รวมถึงมีบ่อนกาสิโนอยู่ในพื้นที่ร้อยละ 5 ของสถานบันเทิงแบบครบวงจร โดยมีคณะกรรมการบริหารจัดการ ทำหน้าที่ควบคุม กำกับการจัดตั้งกาสิโน และมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมีการเสนอเขตพื้นที่ก่อสร้างใน 3 พื้นที่

  1. กทม. และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร จากสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอู่ตะเภา
  2. จังหวัดท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด
  3. จังหวัดชายแดนที่มีด่านตรวจคนเข้าเมือง หากเป็นภาคใต้ควรสร้างใน จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี และหนองคาย

คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยังเสนอให้มีการพนัน ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยการพนันกีฬาออนไลน์ มี 8 รูปแบบ

  1. คาสิโนออนไลน์ที่เป็นเกมพนันรูปแบบต่างๆ
  2. การพนันที่ใช้การขึ้นลงของตลาดหุ้น สกุลเงิน
  3. พนันกีฬาออนไลน์ เช่น กีฬาสากล กีฬาพื้นบ้าน แข่งม้า
  4. การพนันอิงเหตุการณ์จริง เช่น ผลการเลือกตั้ง
  5. บิงโกออนไลน์
  6. การเสี่ยงโชคออนไลน์ จากผลการออกสลากกินแบ่งฯ ทั้งไทยและต่างประเทศ
  7. เว็บไซต์เกมต้องใช้ทักษะ เช่น เกมต่อสู้ออนไลน์ E-Sport
  8. เว็บไซต์เพื่อการฝึกฝน เช่น เกมบาคาร่า เกมม้าแข่ง ใช้เหรียญของเกม(Token) แทงพนัน อาจต้องเติมเงินหรือให้ฟรี

จะเปิดให้บริการกับชาวต่างประเทศ ยังเปิดให้คนไทยเข้าใช้บริการ โดยต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าใช้บริการ มีการแสดงบัตรประชาชน มีอายุ 21 ปีขึ้นไป ต้องแสดงสถานะการเงินย้อนหลัง 6 เดือน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท และเงินที่เล่นได้จากกาสิโนถือเป็นรายได้ ต้องยื่นเสียภาษีประจำปี

ความลังเลในสังคมไทย

จากการศึกษาข้อมูลขั้นต้น พบว่า ธุรกิจการพนันออนไลน์ในประเทศวงใหญ่มาก มีเงินสูงถึง 3 ล้านล้านบาทต่อเดือน หรือปีละ 36 ล้านล้านบาทต่อปี รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีมุมมองที่น่าสนใจกับเรื่องการเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฏหมายในไทยไว้ว่า

เชื่อไหม…คนไทยโดยทั่วไปกลัว “คาสิโน” เพราะเขารู้ว่า เวลาคนติดกาสิโน จะเล่นต่อเนื่อง ไม่กลับบ้าน และใช้เงินเยอะ เป็นหนี้เยอะ ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่าคนไทยเล่นหวย ซื้อลอตเตอรี่เยอะ แต่การพนันแบบนั้นเป็นการเล่นเป็นครั้งๆ เดือนละ 2 ครั้ง แต่ถ้ามีกาสิโนถูกกฎหมาย เขาจะกลัวคนใกล้ชิดติดการพนัน และสร้างปัญหาตั้งแต่ครอบครัว ไปจนถึงสังคม

ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขยายความว่า ในทุก 2 ปี ทางศูนย์ฯ ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องการเปิด “คาสิโน” ถูกกฎหมาย โดยในปี 2562 และ 2564 ได้รับคำตอบที่น่าสนใจ คือ ในปี 2562 เก็บตัวอย่างจากตัวแทนทุกจังหวัด มากกว่า 5 หมื่นคน และในปี 2564 เก็บตัวอย่าง มากกว่า 7 พันคน ปรากฏว่า คำตอบที่ได้จากประชาชนนั้นใกล้เคียงกันคือ ประชาชน “ไม่เห็นด้วย” กับการเปิดกาสิโน ในประเทศไทยมากกว่า 50% ทุกครั้ง ส่วนคนที่เห็นด้วย ประมาณมากกว่า 30% ส่วนอีกประมาณมากกว่า 10% จะไม่แน่ใจและไม่มีความเห็น จากตัวเลขดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมากกว่า 50% ยังมีความกลัว “คาสิโน”

ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการพูดถึง “คาสิโน” ใน 2 รูปแบบ

  1. การตั้ง “คาสิโน” ในพื้นที่เฉพาะ
  2. การพนันเสรี

ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับรูปแบบหลัง ถ้าเราเปิดให้ใครเล่นที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะปกติ ทุกวันนี้เราเล่นการพนันกันมากมาย ขนาดในงานศพ ยังมีการจัดเล่นกันอยู่แล้ว แต่จะเสนอว่า หากมีการเปิด “คาสิโน” จริง จะต้องมีการให้ใบอนุญาตอย่างจำกัด คล้ายๆ โมเดลของมาเก๊า ประกอบด้วย

  1. ใช้พื้นที่เฉพาะ
  2. สกรีนคนที่เข้าไปเล่น คนต่างชาติ อาจจะเสรี หรือ ถ้าเป็นคนไทยต้องมีเกณฑ์เข้ามา เช่น มีรายได้เพียงพอ ไม่มีหนี้สิน
  3. ต้องมีกลไก ในการคิดค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม เพื่อนำเงินมาใช้ในการแก้ปัญหาสังคม เช่น การแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ โดยอาจจะแบ่งมาจากรายได้กำไร หรือใบอนุญาต กลับมาคืนให้สังคม

ต้องชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร?

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวไว้ว่า จากข้อมูลในหลายๆ ประเทศพบว่าลูกค้า ที่เดินทางมาเล่นการพนันในประเทศต่างๆ ในเอเชียนั้น มาจากประเทศ “จีน” แต่ในเวลานี้มีความชัดเจนว่า รัฐบาลจีนมีการออกข้อกำหนดหลายเรื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนของตนเองไปเล่น “คาสิโน” ในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังออกกฎหมายควบคุม ชื่อ Remote gambling ซึ่งความหมายคือรวมไปถึงการเล่นคาสิโนออนไลน์ ซึ่งโดยปกติแล้ว รัฐบาลจีนไม่ส่งเสริมเรื่องการพนันอยู่แล้ว การพนันอย่างเดียวที่มีคือ “ลอตเตอรี่”

เมื่อกลับมามองประเทศไทย ที่บอกว่า จะเอานักท่องเที่ยวมาเมืองไทย โดยใช้ “คาสิโน” เป็นสิ่งดึงดูด คำถามคือ ถ้าจะพุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวจีน อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปตามความคาด สิ่งที่อยากจะเห็นจริงๆในเวลานี้คือ กฎกติกา และโมเดลต่างๆ เสียก่อน ที่ผ่านมามีแต่คำพูดว่า รัฐบาลจะได้เงินเป็นแสนล้าน คำถามคือ ตัวเลขดังกล่าวมาจากไหน นักท่องเที่ยวประเทศไหนจะมาเล่น และยิ่งเป็นช่วงโควิดระบาด ปิดประเทศ ไม่มีนักท่องเที่ยวมาจะทำอย่างไร

ถ้ามุ่งนักท่องเที่ยว ก็ควรกำหนดไปเลยว่าไม่ให้คนไทยเล่น หรือจะให้ต่างชาติเล่น ก็อาจจะเปิดเป็นที่เล็กๆ ก่อน เช่น สนามบิน โรงแรมเฉพาะจุด ในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น พัทยา ภูเก็ต แต่ต้องไม่ประชาสัมพันธ์ ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้า มีการกวดขัน ทดลองเก็บข้อมูลดูก่อน และที่สำคัญคือ ต้องมีเงินกองทุนสำหรับช่วยเหลือบำบัดคนติดพนัน หรือกลไกในการดูแลป้องกัน เช่น ห้ามคนติดพนันเข้ามาเล่น

——————————————————————

สุดท้ายแล้วไม่ว่าบทสรุปในเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร การพนันนั้นก็อยู่คู่มากับมนุษย์มาในทุกอารยธรรมทุกยุคทุกสมัย การห้ามเล่นการพนันโดยเด็ดขาดนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก แต่ควรจะมีมาตราการควบคุมที่เหมาะสมและมีการบริหารที่เข้มงวดรัดกุม เพื่อไม่ให้เป็นช่องทางในการกระทำความผิดในด้านอื่นๆ และไม่ควรถือเป็นสิ่งต้องห้ามหรือน่ารังเกียจ แต่ควรมองว่ามันเป็นสิทธิที่ทุกคนพึงมีสำหรับผู้ที่บรรลุนิติภาวะ และมีสติสัมปชัญญะ เพื่อใช้ในการสร้างความบันเทิงมากกว่า และเมื่อใดที่มุมมองของทุกฝ่ายนั้นตรงกันการที่จะมีบ่อน “คาสิโน” สักแห่งในประเทศอีกครั้งก็อาจจะเกิดขึ้น แต่แค่มันยังไม่ใช่เวลานี้เท่านั้นเอง…..

24 Nov. 2023

สนับสนุนให้เล่นการพนันอย่างมีความรับผิดชอบ

188BET

188BET

ชนะ 6 มือติดบาคาร่า รับ 100-3,000 บาท ทุกวัน ราคาเดิมพันของแต่ละมือ จะเป็นตัวกำหนดยอดโบนัสสูงสุดที่จะได้รับ เริ่มต้น 50 บาท/มือ
*สงวนสิทธิ์ในการรับโบนัสได้เพียงวันละ 1 ครั้ง